วันลอยกระทง เป็นประเพณีสำคัญที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานในสังคมไทย ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำในแม่น้ำลำคลองขึ้นเต็มที่และอากาศเย็นสบาย ประเพณีนี้ไม่ได้เป็นเพียงการเฉลิมฉลอง แต่ยังเต็มไปด้วยความเชื่อและภูมิปัญญาอันลึกซึ้ง
จุดเริ่มต้นและประวัติวันลอยกระทง
ประเพณีลอยกระทงมีมาตั้งแต่โบราณ และมีหลักฐานปรากฏชัดเจนในสมัย กรุงสุโขทัย ภายใต้ชื่อ “พิธีจองเปรียญ” หรือ “พิธีลอยพระประทีป” โดยมีตำนานที่สำคัญคือ:
- ตำนานนางนพมาศ: เชื่อกันว่า นางนพมาศ (หรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์) ซึ่งเป็นสนมเอกของพระร่วงเจ้า (กษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย) เป็นผู้ริเริ่มประดิษฐ์กระทงรูปดอกบัวขึ้นเป็นคนแรก เพื่อนำไปลอยถวายพระร่วงเจ้าในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง ทำให้พระร่วงเจ้าทรงพอพระทัยและรับสั่งให้ถือปฏิบัติสืบไป อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีการถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ถึงการมีตัวตนจริงของนางนพมาศในยุคสุโขทัย แต่ถึงกระนั้น นางนพมาศก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของสตรีที่งดงามและเฉลียวฉลาดคู่กับประเพณีลอยกระทง
ความเชื่อและจุดมุ่งหมายหลัก
การลอยกระทงไม่ได้มีวัตถุประสงค์เดียว แต่มีหลายมิติที่ผสานเข้าด้วยกัน:
- ขอขมาพระแม่คงคา: เป็นการแสดงความสำนึกในบุญคุณของน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต และเป็นการขอขมาต่อพระแม่คงคาที่มนุษย์ได้ใช้น้ำและทิ้งสิ่งปฏิกูลลงในแหล่งน้ำ
- บูชารอยพระพุทธบาท: เชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ประทับอยู่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที
- สะเดาะเคราะห์: เป็นการลอยความทุกข์โศก โรคภัยไข้เจ็บ และสิ่งที่ไม่ดีงามให้ลอยไปกับกระทง เปรียบเสมือนการเริ่มต้นชีวิตใหม่
- บูชาเทพเจ้า: บางพื้นที่เชื่อว่าเป็นการบูชาเทพเจ้าตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์
เอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น
ประเพณีลอยกระทงมีการปรับเปลี่ยนและมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค:
- ภาคเหนือ (ยี่เป็ง): มีประเพณี “ยี่เป็ง” ที่มีการปล่อยโคมลอย (โคมควัน/โคมไฟ) ขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อบูชาพระเกตุแก้วจุฬามณี
- จังหวัดตาก: มีประเพณี “ลอยกระทงสาย” ที่ใช้กะลาแทนกระทง แล้วนำมาเรียงต่อกันเป็นสายยาวลอยไปตามแม่น้ำ
- จังหวัดสุโขทัย: มีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ตามประวัติศาสตร์ โดยมีกิจกรรม “เผาเทียน เล่นไฟ” ที่เป็นการจำลองบรรยากาศและวิถีชีวิตในอดีต
สรุป: วันลอยกระทงจึงเป็นประเพณีที่สะท้อนถึงความผูกพันระหว่างคนไทยกับสายน้ำ ความศรัทธาในพุทธศาสนา และการสืบทอดวัฒนธรรมอันงดงามจากบรรพบุรุษมาสู่คนรุ่นหลัง